ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บบล๊อก ของคนรักหนูแฮมสเตอรนะครับ ขอบคุณครับ

วันศุกร์, กรกฎาคม 25, 2551


Campbells หนูน้อย ผู้คล้ายกับ Winter White

Campbells คือแฮมสเตอร์แคระ อีกพันธุ์หนึ่ง ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับ แฮมสเตอร์แคระพันธุ์ Winter White มาก จนกระทั่งนักวิทยาศาสตร์เคยจัด Campbells และ Winter White ว่าเป็นชนิดเดียวกัน

Campbells จะมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Sybirian Hamster ค่ะ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Phodopus Campbelli มีชื่อเรียกอีกชือว่า Djungarian เพราะว่า อาศัยอยู่ใน ที่ๆเรียกว่า Djungaria ครับ นอกจากนี้ยังพบได้ที่ ตอนเหนือของจีน และบางส่วนของรัสเซีย ซึ่ง Campbells จะมีหลายสี หลายลวดลายมากกว่า Winter White ครับ

มาดูกันเถอะว่า Campbells หน้าตาเป็นยังไง

Campbells ที่มีอยู่ในประเทศไทย มี 5 สีหลักๆ ครับ โดยแต่ละสียกเว้นสีขาว ก็จะมีลวดลาย (Marking) ได้ 4 แบบ ได้แก่ สีพื้น ลายจุด(Mottle) ซิลเวอร์ (Silver) และ คอขาว (Collar)

จะรู้ได้อย่างไร ว่าเป็น Campbells หรือ Winter White

Campbells สีธรรมดา จะดูคล้าย Winter White สีธรรมดามาก แต่พอจะแยกแยะได้ โดยดูจากลวดลายขีดครับ จะเห็นว่า Campbells จะมีลายขีดพาดกลางหลัง ชัดเจน เป็นเส้นเดียว เป็นทางมากกว่า Winter White ครับ และไม่มีสีขีดด้านข้างชัดเท่า Winter White


นิสัยของ Campbells
Campbells จะไม่ไว้วางใจคนเท่ากับ Winter White หากเรายื่นมือลงไป เค้าจะค่อนข้างระแวงระวัง และหวงตัว เค้าจะเข้ามาตบๆ หรือ อาจจะกัดเลือดไหลเลยก็ได้ครับ แคมเบลล์จะไม่ถลาวิ่งมาปีนขึ้นมือเหมือน Winter White ค่ะ ดังนั้น หากเราเจอ แคมเบลล์ ที่ยังไม่คุ้นเคย ก็ต้องระวังในการจับด้วยครับ ซึ่งเพื่อนๆคนไหนที่คิดจะเลี้ยง Campbells ก็จะต้องมีเวลาให้เค้ามากกว่าปกติ เพื่อสร้างความคุ้นเคยครับ ถ้าคุณพิชิตเพื่อนตัวน้อยนี้ได้หละก็ น่าภูมิใจไม่ใช่น้อยเลยนะครับ แถมลูกๆก็มีให้ลุ้นหลายสีหลายลายเลยทีเดียว

Winter White

สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่เคยเลี้ยง แฮมสเตอร์พันธุ์ไหนมาก่อน ให้เริ่มจาก Winter White ก่อนเลยครับ เพราะว่า เค้าเป็นแฮมสเตอร์ที่เชื่องมากที่สุด ในบรรดาแฮมสเตอร์แคระ ทุกๆพันธุ์เลยก็ว่าได้

Winter White จะมีทั้งหมด 5 สีครับ โดยนิยม แบ่งประเภทตามสี ได้แก่

1. สี Normal หรือ ที่เรียกว่า สีธรรมดา


แฮมสเตอร์พันธุ์ Winter White สีธรรมดา นี้ มีลักษณะ คล้ายกับ แฮมสเตอร์พันธุ์ แคมเบลล์สีธรรมดา มาก ที่เรียกกันว่า สีธรรมดา ก็เนื่องจากเป็นสีที่พบเห็นได้ทั่วไป ตามธรรมชาติครับ แต่บางคนก็ชอบ เพราะว่า สีคล้ายกระรอกกระแต


2. สี Blue Supphire หรือ ที่เรียกสั้นๆ ว่า ซัฟไฟน์



สีจะคล้ายกับ สี Normal แต่ว่าสีจะออกเทาอ่อนๆ คล้ายควันบุหรี่ แต่ บางคนก็ไม่ชอบ เพราะว่า สีคล้ายหนูบ้านครับ


3. สี Perl หรือ ขาว


บางตัวจะมีสีขาวทั้งตัว ตามีสีดำ แต่บางตัว จะมีสีดำเป็นเส้นกลางหลัง


4. สี Yellow หรือ สีเหลือง


มีทั้งที่เป็นสีเหลืองเหมือนลูกเจี๊ยบทั้งตัว หรือ บางตัวก็เป็นสีขาว แต่มีเส้นกลางหลังเป็นสีเหลือง (เลยนิยมเรียกว่า ขาวหลังเหลือง) Winter White สี Yellow นี้ เมื่อโตขึ้น ส่วนที่เป็นสีเหลืองมักจะเปลี่ยนเป็นสีเหมือนขนมปังไหม้ เชื่อว่าเกิดจาก การที่ยีนส์ยังไม่นิ่งครับ


5. สี Golden Black Eyes
สีนี้เป้นสีใหม่ล่าสุดครับ เพิ่งนำเข้ามาสู่ประเทศไทยได้ไม่นาน ประมาณ ธันวาคม 2004 ที่ผ่านมานี่หละครับ



ประวัติของ Winter White

Winter White มีชื่อเรียกจริงๆว่า "Dwarf Winter White Russian Hamster" ฝรั่งบางคน เขานิยมเรียกว่า "Russian Hamster" ครับ แต่บ้านเรานิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า "Winter White" ครับ เค้ามีถิ่นกำเนิดในภูมิประเทศจะเป็นที่ราบ มีหญ้า และทราย ซึ่ง เค้าจะอาศัยอยู่ในโพรงหญ้าในตอนกลางวัน

รายละเอียด
สปีชีย์ sungorus
จำนวนโครโมโซม 28
ขนาด 10-12 เซนติเมตร
ระยะตั้งครรภ์นาน 18-21 วัน
อายุขัย 1.5-2 ปี ( เคยพบอายุมากสุด 4 ปี)

ลักษณะพิเศษ ของ Winter White
คือ ตอนช่วงหน้าหนาว ที่อากาศเย็น และ ความสว่างของแสงน้อยกว่าปกติ แฮมสเตแร์พันธุ์ Winter White บางตัวสามารถจะเปลี่ยนสีได้ครับ คือ สีจะขาวขึ้น จึงเป็นที่มาของชื่อว่า "Winter White" นั่นเอง


อย่าผสมข้ามพันธุ์

แฮมสเตอร์พันธุ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Syrian , Roborovski, Chinese Hamster, Winter White และ Campbell ไม่สามารถจะผสมข้ามพันธุ์กันติด เนื่องจาก โครโมโซมไม่เท่ากัน แต่ยกเว้น Winter White และ Campbell มีโครโมโซมเท่ากัน แต่ไม่ควรผสมข้ามพันธุ์ครับ

หยุดความคิดก่อนที่คุณจะทำลาย แฮมสเตอร์ทั้ง 2 พันธุ์ ระหว่าง Winter White และ Campbells เพราะชีวิต ไม่ใช่ ของทดลอง

ผลเสียที่จะเกิดกับแฮมสเตอร์ ก็คือ การทำลายสายพันธุ์ และทำลายตัวแฮมสเตอร์เอง

ทั้ง Campbell และ Winter White เป็นสัตว์ที่จัดอยู่ใน สปีชีย์ใกล้เคียงกัน แต่พันธุกรรม แตกต่างกันเล็กน้อย นอกจากนี้ ถึงเค้ามาจากรัสเซียเหมือนกัน แต่เค้าอยู่คนละพื้นที่กัน และกินอาหารต่างกันเล็กน้อย เมื่ออยู่ตามธรรมชาติ โอกาสที่ 2 พันธุ์นี้จะมาเจอกันนั้นยากมาก ถึงแม้ว่า 2 พันธุ์นี้มาเจอกันโดยบังเอิญ สัญชาติญาณก็จะสอนไม่ให้เค้าผสมข้ามพันธุ์กัน เพราะรุ่นลูกหลานจะเกิดความผิดปกติจากพันธุกรรม และลูกหลานจะอ่อนแอลง เค้าจะเลือกคู่ที่เป็นพันธุ์เดียวกัน เลือกตัวที่แข็งแรง และ สมบูรณ์ที่สุดมาผสมพันธุ์กัน โดย เมินแฮมสเตอร์พันธุ์อื่นที่ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน

แต่แฮมสเตอร์ที่ถูกคนนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง เค้าไม่มีโอกาสเลือก เค้าต้องดำรงเผ่าพันธุ์ เพราะชีวิตเค้าสั้นมาก ต้องมีลูกหลาน ต้องผสมพันธุ์ เพื่อไม่ให้สูญพันธุ์ แต่คนจะเป็นผู้จับคู่เค้า เค้าไม่มีโอกาสเลือกคู่ของเค้าเองได้ ไม่เหมือนอยู่ในธรรมชาติ ผู้เลี้ยงบางคนอาจจับคู่โดยที่อาจจะไม่คำนึงถึงความสมบูรณ์ของพ่อแม่หนู หนูบางตัวอาจจะไม่แข็งแรง ผอมเกินไป หรือ ผสมถี่เกินไป เป็นต้น รวมทั้งอาจจะพยายามผสมข้ามพันธุ์ด้วย โดยไม่คำนึงถึงสุขภาพของแฮมสเตอร์ และผลที่ตามมา

กรณีการผสมข้ามพันธุ์นั้น เช่นเดียวกันกับการผสมสุนัขพันธุ์แท้ 2 พันธุ์ข้ามไปมา เช่น เอา พุดเดิล ผสมกับ สุนัขหลังอาน ลูกผสมที่เกิดขึ้นจะเป็นสุนัขที่ไม่ตรงตามสายพันธุ์ใดเลย และไม่ได้รับการยอมรับ ไม่เป็นที่ต้องการ และมันยากที่จะผสมกลับมาให้เป็นสายพันธุ์แท้เหมือนเดิม ในแฮมสเตอร์ก็เช่นกัน ลูกหนูที่เกิดขึ้นมา ก็จะไม่เป็นที่ต้องการ นอกจากนี้ ยังอาจจะพิการ เป็นหมัน หรือ เป็นโรคผิดปกติทางพันธุกรรมอีกด้วย

และการผสมข้ามระหว่าง Winter White และ Campbell นั้น อาจจะทำให้เกิดปัญหาในการคลอดลูกได้ เพราะว่า Campbell เมื่อแรกเกิดจะมีขนาดหัวใหญ่กว่า ช่องคลอดของ Winter White ดังนั้น แม่หนูจึงอาจจะคลอดไม่ออก และอาจจะทำให้ตายทั้งแม่และลูกในท้องได้

นอกจากนี้ ทั้ง 2 สปีชีย์นี้ ยังมีปัญหาทางสุขภาพของเค้าเอง โดยที่ใน Campbell จะมีแนวโน้มเป็นโรคเบาหวาน และ ใน Winter White จะมีแนวโน้มเป็นโรคต้อที่ตา หากนำแฮมสเตอร์ทั้ง 2 พันธ์นี้มาผสมกัน ลูกที่ได้อาจจะได้รับโรคทั้ง 2 นี้ไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

หากผสมข้ามพันธุ์จนมั่ว ต่อไปเราจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าลูกหนูที่เราซื้อมาจะเป็นพันธุ์แท้ จะไม่เป็นหมัน หรือไม่มียีนส์ผิดปกติแฝงอยู่ในตัว หรือ จะไม่เกิดลูกหลานที่พิการ อย่าลืมว่าแม้ผู้ผสมข้ามพันธุ์ อาจจะคิดว่า แค่ลูกหนูไม่กี่ตัวที่ลอง เพาะลองเลี้ยงเล่นแค่นั้น ไม่เห็นเป็นไร แต่ข้อเท็จจริงอีกอย่างที่ไม่ควรลืมคือ ลูกหนู 1 ตัวนั้นที่เกิดจากการผสมข้ามพันธุ์ หากเป็นหมันก็โชคดีไป นั่นหมายถึง ธรรมชาติได้หยุดยั้งความผิดไว้ที่หนูตัวนั้นเท่านั้น แต่หากโชคร้ายไม่เป็นหมัน เค้าสามารถจะออกลูกออกหลานได้กี่ชีวิต ลูกหลานที่เกิดมา อาจจะมีความผิดปกติในพันธุกรรมจากการผสมข้ามพันธุ์อยู่ในตัว แล้วผสมต่อไป ถ่ายทอดต่อไปเรื่อยๆ วันหนึ่งท่าน อาจจะเป็นผู้ทำลายแฮมสเตอร์ทางอ้อมให้สูญพันธุ์ไปโดยไม่รู้ตัว ก็เป็นได้

ด้วยเหตุนี้เราจึงควรหยุดการผสมข้ามพันธุ์เพื่อรักษาพันธุ์ของแฮมสเตอร์ที่พวกเรารัก ก่อนที่จะสายเกินแก้

ตรวจสุขภาพน้องแฮมกันเถอะ


เพื่อนๆ เคยตรวจดูกันบ้างหรือเปล่า ว่าน้องแฮมที่เพื่อนๆ เลี้ยง นั้น สบายดีกันบ้างไหม ปีใหม่ มาถึงแล้ว เรามาเริ่มการตรวจสุขภาพของน้องแฮมกันเลยครับ

ฟันยาวหรือเปล่า


ลองจับน้องแฮมของเพื่อนๆ อ้าปากตรวจดูฟันนะครับ โดยเฉพาะน้องแฮมของใครที่ผอม มากๆ อาจจะเกิดจากฟันยาวเกินไป หรือ ขบกันไม่สนิท ทำให้กินอาหาร ลำบากครับ

มีก้อนเนื้อผิดปรกติ หรือไม่

อันนี้ ต้องลองจับ นอนหงาย และ พลิกดูรอบๆตัวครับ หากมีก้อนเนื้อผิดปกติ ควรจะพาไปพบแพทย์ครับ ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นคนตัดสินใจเองครับ ว่าน้องแฮมควรจะได้รับการผ่าตัด เอาเนื้องอกออกไหม เพราะว่า ขึ้นอยู่กับ บริเวณที่เกิดเนื้องอก ว่า อันตรายหรือไม่ รวมทั้งขนาด จำนวนเนื้องอก และ อายุของน้องแฮมด้วยครับ ว่าควรจะผ่าตัดหรือไม่

ลูกตาครับ ว่าเจ็บ ลืมตาไม่ได้ หรือ ว่าขุ่นหรือเปล่า

ส่วนบริเวณลูกตา หากว่าน้องแฮมตาเจ็บ ควรจะพาไปหาหมอนะครับ ไม่ควรจะรักษาเอง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องตาเจ็บได้ จากเมนูทางซ้ายมือของหน้าแรกครับ

ขนร่วงหรือไม่

หากน้องแฮมของใครขนร่วง อาจจะเกิดจาก การเปลี่ยนขี้เลื่อยไม่บ่อยเท่าที่ควร หรือ อาจจะเกิดจากการเป็นเชื้อราก็ได้ครับ นอกจากนี้ ยังอาจจะเกิดจากการแพ้ขี้เลื่อยที่ใช้อยู่ หรือ เกิดจากการที่น้องแฮม อายุมากครับ ทำให้ ฮอร์โมนลดลง อย่างไร ให้พาไปหาหมอนะครับ เพราะว่า จะได้รับการตรวจวินิจฉัยได้ อย่างถูกต้องครับ

ท้องเสียหรือไม่

ลองตรวจดูตรงก้นน้องแฮมครับ ว่ามีอุจจาระเปียกๆ ติดอยู่หรือไม่ หากมี แฮมสเตอร์อาจจะท้องเสีย หรือว่า มีอาการที่เรียกว่า โรคหางเปียกก็ได้ครับ ซึ่งหากแฮมสเตอร์ท้องเสีย จะอาการทรุดเร็วมาก ควรจะรีบพาไปหาหมอดีกว่าครับ

ขาดน้ำหรือไม่
เพื่อนๆเคย ลองตรวจดูกระบอกน้ำ บ้างหรือเปล่า ว่ามีน้ำหรือไม่ หรือกระบอกน้ำอุดตัน หรือไม่ หากเราไม่สังเกต ดีพอ แอมสเตอร์อาจจะตาย เนื่องจากการขาดน้ำก็ได้ครับ ซึ่ง เราควรจะตรวจดูทุกๆวันนะครับ บางกรณีที่พบก็คือ แฮมสเตอร์ที่เพื่อนๆ เพิ่งจะซื้อมา อาจจะกินน้ำจากกระบอกไม่เป็น และขาดน้ำตายได้เช่นกัน วิธีง่ายๆ เพื่อนๆ สามารถจะใช้ในการตรวจสอบน้องแฮม ว่าขาดน้ำหรือไม่ ก็โดยการดึงหนังตรงบริเวณหลังคอของน้องแฮมสเตอร์ครับ ดูการคืนตัวของหนัง หากคืนตัวช้า นั่นคืออาการ ขาดน้ำครับ

วิธีดูว่าหนูท้องและการเตรียมตัว

จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวท้องหรือไม่

เมื่อแม่หนูท้อง แม่หนูจะมีลักษณะอ้วนขึ้นกว่าปกติจนเห็นได้ชัด โดยจะป่องออกมากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับปริมาณลูกๆในท้อง ให้สังเกตว่าระหว่างนี้แม่หนูส่วนใหญ่จะมี พฤติกรรมการทำรัง เช่นจะสำรวจไปมาเพื่อหาที่ๆปลอดภัยสำหรับการคลอดลูก และพยายามหาวัสดุมาทำรังอีกด้วย ซึ่งเราสามารถจะช่วยแม่หนูได้ โดยการฉีกทิชชู่นุ่มๆเป็นเส้นยาวๆลงไปในกรง แม่หนูจะมาเอาไปรวมกันเพื่อทำเป็นรัง ระหว่างนี้แม่หนูจะกินเก่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย นอกจากนี้เราอาจจะเห็นอีกว่าแม่หนูบางตัว ที่รู้ตัวว่าท้อง จะพยายามไล่กัด หนูตัวอื่นให้ออกจากกรง ที่เป็นเช่นนี้เพราะเค้ารู้ตัวดีว่าอีกไม่นานลูกๆจะคลอดออกมา เค้าเกรงว่าลูกจะโดนหนูตัวอื่นทำร้ายครับ


เมื่อแม่หนูท้องแก่ใกล้คลอด

ดูจากภาพด้านล่างครับ ภาพซ้ายมือเป็นภาพแม่หนูก่อนคลอดลุก

หนูตัวเมียที่ท้องแก่

สังเกตุเทียบกับภาพทางขวามือ ภาพนี้คือภาพหนูตัวเมียในคืนก่อนที่จะคลอดลูก
ให้สังเกตว่าจะมีน้ำเอ่อ ที่อวัยวะเพศ (ลูกศรสีน้ำเงิน) และจะมีนมชัดเจน เพื่อเตรียมพร้อมแก่การให้นมลูก (ลูกศรสีเขียว)
ดูแลหนูที่เพิ่งเกิด

การดูแล ลูกหนูแฮมเสตอร์

ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรมากครับ สำหรับการเลี้ยงและดูแลลูกแฮมสเตอร์ที่เพิ่งเกิด หน้าที่ของเราก็คือดูแม่หนูเลี้ยงลูกอยู่ห่างๆครับ ปล่อยให้แม่หนูเลี้ยงและดูแลลูกเอง หน้าที่ที่เราพอจะทำได้ก็คือ การทำความสะอาดกรง ให้อาหารและน้ำ ซึ่งลูกแฮมสเตอร์ต้องกินอาหารจำนวนค่อนข้างมาก จึงเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะต้องเตรียมอาหารให้เพียงพอตลอดเวลา นอกจากนี้ แม่หนูที่กำลังตั้งท้อง หรีอเลี้ยงดูลูกอ่อน ก็ต้องการน้ำในปริมาณมาก

บางทีสิ่งที่สำคัญสุดในการเพาะลูกหนูแฮมสเตอร์ก็คือการเลือกพ่อและแม่แฮมสเตอร์ที่มีสุขภาพดี และมีสายเลือดที่ดี

พัฒนาการของลูกหนูและการดูแล

คลิ๊กที่นี่เพื่อดูพัฒนาการของลูกหนูครับ http://www.hamperhams.co.uk/baby/hhbaby1.htm และ http://www.hamperhams.co.uk/baby_ww/hhbaby1.htm

ส่วนภาพนี้เป็นภาพขณะแม่หนูกำลังคลอดลูก

ก่อนที่แม่หนูจะคลอดลูก
แม่หนูจะตั้งท้องประมาณ 17 วัน ซึ่งประมาณ 3-4 วันก่อนที่แม่หนูจะคลอดลูก แม่หนูจะทำความสะอาดกรงครั้งใหญ่ และ จะพยายามหาเศษวัสดุต่างๆที่อ่อนนุ่มมาเตรียมสร้างรังสำหรับเตรียมพร้อมรับลูกที่จะเกิดขึ้นมา ( เราอาจจะหาทิชชู่แบบที่ใช้ในห้องน้ำมาใส่เอาไว้ในกรง เพื่อให้เค้าเอาไปทำรังก็ได้ครับ ซึ่งทิชชู่เป็นวัสดุที่ค่อนข้างดี ) แม่หนูจะฉีกวัสดุสำหรับทำรังให้เป็นขนาดเล็กลง และพยายามสร้างเป็นรัง โดยใช้กระดาษทิชชู่ที่เราใส่ลงไปนั่นเอง เอามาสานเข้าด้วยกัน พยายามอย่าไปหาวัสดุที่เหนียวมาใส่ เพราะอาจจะทำให้ไปพันขา หรือพันคอลูกหนูอาจจะทำให้ลูกหนูไปติด และหายใจไม่ออกตายได้

เมื่อลูกหนูเกิด
ป็นภาพแฮมสเตอร์แคระขณะที่เพิ่งเกิด เทียบกับเหรียญ 5 บาทและเม็ดถั่วเขียว

เมื่อลูกหนูเกิดออกมา ลูกหนูจะยังมองไม่เห็น ยังไม่ลืมตา ไม่มีขน และ หูยังไม่ได้ยิน ลูกหนูจะต้องพึ่งแม่หนูตลอด ซึ่งแม่หนูสามารถจะออกลูกได้ตั้งแต่ 1 ตัวจนถึง 20 ตัวในแต่ละครั้ง ซึ่งแม่หนูจะรู้ตัวดีว่าเค้าสามารถจะเลี้ยงดูลูกหนูกี่ตัว จึงจะไหว และจะทำการลดลูกหนูเอง โดยจะทิ้งลูกจากตัวที่อ่อนแอที่สุดก่อน

ลูกหนูที่เพิ่งเกิด
แม่หนูจะเบ่งลูกออกมาทีละตัว จนหมด ซึ่งการออกลุกจะไม่ได้ออกรวดเดียวติดต่อกันหมด จะคลอดห่างกันหลายนาทีเหมือนกันครับ ระหว่างคลอดแม่หนูจะมีการวิ่งไปมาหาน้ำกินบ้างเหมือนกัน ดังภาพ

บางทีลูกหนูจะพยายามเคลื่อนตัวสะเปะสะปะไปมาในกรง ระหว่างที่แม่หนูกำลังคลอดลูกตัวอื่นๆ พยายามอย่าไปรบกวนครับ หลังจากที่แม่หนูออกลูกเสร็จ และมีโอกาสพักผ่อน แม่หนูจะค่อยๆตามหาลูกและรวบรวมลูกของตัวเองมาไว้ในรังที่เตรียมไว้ และเริ่มดูแลลูก เยื่อบางๆที่หุ้มลูกนั้นจะถูกกินโดยแม่หนู ซึ่งในเยื่อนี้จะมีสารที่มีประโยชน์อยู่คือ ฮอร์โมน และ สารอาหารอื่นๆ ที่ลูกหนูใช้ขณะที่อยู่ในครรภ์แม่ ซึ่งเยื่อนี้ค่อนข้างสำคัญ ถ้าเราเห็นแม่หนูแฮมสเตอร์พยายามกิน ก็อย่าไปขัดขวาง หรือ รบกวนครับ เป็นกลไกตามธรรมชาติ เพื่อชดเชยสิ่งที่สูญเสียไปครับ

วันที่แม่หนูแฮมสเตอร์ของเราคลอดลูกแม่ มีลูกหนูอยู่คัวหนึ่งขาขาด เชื่อว่าเกิดจากการที่แม่หนูพยายามกัดรกให้แต่พลาด ทำให้ลุกหนูขาขาดไป 1 ข้าง และมีเลือดไหล ซึ่งแม่หนูออกลุกตอน 8.20 น. แต่เมื่อเรากลับมาดูลูกหนูอีกครั้งตอนเที่ยง พบว่าแม่หนูตัดสินใจฆ่าลูกหนูทิ้งไปแล้วโดยกินส่วนหัวไป เพราะเห็นว่าลูกหนูไม่รอด ดีกว่าปล่อยให้ลุกหนูทรมาณ และหากแม่หนูปล่อยทิ้งไว้ ลูกหนูตัวนั้นก็คงจะไม่รอดเช่นกัน เพราะแม่หนูออกลูกมา 9 ตัว หากแม่หนูปล่อยทิ้งไว้ ลุกหนูตัวนั้นก็ไม่สามารถจะแย่งอาหารจากพี่น้องได้ และขาที่ขาดก็ยังสร้างความทรมาณให้ลูกหนูอีกด้วย

กฏเหล็กของผู้เลี้ยง
เราเรียกว่ากฏเหล็กครับ สำคัญมาก ต้องจำไว้ว่า
" อย่าไปรบกวน รังของแฮมสเตอร์ อย่างน้อย 10 วันหลังจากที่แม่หนูคลอดลูกออกมา " ถ้าสมมติ ว่าลูกหนูที่เพิ่งเกิดคลานสะเปะสะปะ ออกไปและพลัดหลงกับแม่ ก็อย่าเข้าไปยุ่งครับ แม่หนูจะมาหาลูกและพากลับรังเอง บางทีลูกหนูก็จะพยายามหาทางกลับไปยังรังที่อบอุ่น และไปหาแม่ได้เอง เราอย่าไปยุ่ง เพราะถ้ารังของแม่หนูถูกรบกวน โดยเฉพาะในแม่หนูที่เพิ่งจะออกลุกเป็นครั้งแรก แม่หนูจะพยายามปกป้องลูก ด้วยวิธีเดียวที่เค้ารู้ คือ แม่หนูจะฆ่า และกินลูกของตนเอง อีกอย่างที่เราต้องระวังก็คือ อาหารและน้ำในกรง ต้องมีมากเพียงพอ ถ้าแม่หนูเกิดวิตกกลัวว่า อาหารและน้ำ ที่มี ไม่เพียงพอสำหรับแม่หนูและลูกๆแล้วล่ะก็ ด้วยสัญชาตญาณ แม่หนูจะช่วยฆ่าลูกของตนเอง เพราะเป็นวิธีเดียวที่แม่หนูรู้ และเชื่อว่า การฆ่าลูกเอง หรือการกินลูก ยังดีกว่าปล่อยให้ลูกขาดน้ำ ขาดอาหาร และค่อยๆตายไปด้วยความหิว และความทรมาณ

หลังจากที่ลูกหนูเกิดขึ้นมา 3 วัน
หลังจากที่ลูกหนูเกิดขึ้นมา 3 วัน ระยะนี้ลูกหนูยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มักจะนอนหงายและตะกายเท้าไปมาสะเปะสะปะ และจะดูดติดนมแม่เกือบตลอดเวลา ขนจะเริ่มขึ้น เห็นบนผิวเป็นสีเข้มๆ ตรงตำแหน่งที่เป็นลวดลายและ หู ส่วนมาร์คกิ้งจะเริ่มเด่นชัดในวันที่ 5 หลังการคลอด เริ่มจะมองออกว่าลูกหนุเป็นสีอะไร

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เราจะต้องพยายามลดระดับน้ำในถาชนะที่ลูกหนูสามารถจะปีนลงไปได้ เพราะลูกหนูจะยังไม่ลืมตา แต่เค้าจะเริ่มซนพยายามจะคลานไปมา โดยที่วันที่ 5 หลังการคลอดลูกหนูจะเริ่มคว่ำตัวได้นานขึ้น และเริ่มสังเกตเห็นหูได้ชัดขึ้น

หลังจากที่ลูกหนูเกิดขึ้นมา 7-8 วัน
ลูกหนูจะมีขนปกคลุมทั้งตัว และมีสีสันลวดลายเห็นเด่นชัด เค้าจะเริ่มดูเหมือนพ่อแม่ เพียงแต่ตัวจะเล็กจิ๋วเท่านั้น แต่เค้ายังคงมองไม่เห็น และยังคงเดินสำรวจไปมารอบๆ และเริ่มใช้มือหรือเท้าคู่หน้า หยิบจับอาหารและงับๆแทะๆได้

หลังจากที่ลูกหนูเกิดขึ้นมา 13 วัน
เค้าจะเริ่มลืมตา และมองเห็น และตอนนี้นี่เอง เราสามารถจะทำความสะอาดกรง และอาจจะทำความสะอาด

หลังจากที่ลูกหนูมีอายุ 21-28วัน
เค้าสามารถจะแยกจากแม่ได้แล้วครับ ซึ่งเราควรจะแยกลูกหนูตามเพศทันทีที่เค้าหย่านม

การพักแม่หนุ
ควรจะให้แม่หนูพักผ่อน อย่างน้อย 1 สัปดาห์ หลังการหย่านมลูก จึงค่อยเอามาผสมอีก

ลูกหนูกับ ที่อยุ่ที่อับชื้น

บางทีอาจจะเป็นไปได้ว่าน้ำจากขวดน้ำหก หรือเกิดเหตุสุดวิสัย ที่ทำให้กรงที่แม่หนูเตรียมไว้ เปียกชื้น ไม่เหมาะแก่สุขภาพของทั้งแม่หนูและลูกหนูอีกต่อไป ถึงแม้ว่าจะไม่ควรไปรบกวนแม่หนูและลูกหนูในช่วง 10 วันแรกก็ตาม แต่ในกรณีนี้ถือว่าจำเป็นเพราะแฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่สะอาด และไม่ชอบอยู่ในที่ชื้นแฉะ การเปลี่ยนแปลงกรง ให้ทำแบบช้าๆ ค่อยๆ
ในแฮมสเตอร์แคระ
หนูแฮมสเตอร์แคระค่อนข้างเป็นสัตว์ที่ใจกว้าง สามารถจะทำดังนี้
1. ใส่วัสดุรองพื้นอย่างขี้เลื่อยใหม่ เพียงเล็กน้อยลงไป ลงในภาชนะ เตรียมพร้อมไว้สำหรับ พ่อและแม่หนู
2. พยายามเอาพ่อแม่หนูออกจากกรงอย่างเบามือ โดยใช้เหยือก หรือภาชนะ ช้อนเค้าออกมา ซึ่งพวกเค้าอาจจะไม่ค่อยยอม เพราะพยายมจะอยู่ใกล้ลูก ปกป้องลูกน้อย
3. หลังจากเอาพ่อแม่ไปไว้ที่อื่นแล้ว พยายามจำตำแหน่งรัง และเริ่มทำการย้ายรังและลูกหนู โดยพยายามเอามือทั้ง 2 มือ รวบส่วนของรังที่แม่หนูสร้างไว้ ติดมาให้มากที่สุด โดยมีลูกหนูติดมาด้วย โดยเอาส่วนที่เปียกออก พยายามอย่าให้มือสัมผัสกับลูกหนูโดยตรง อาจจะใช้ช้อนสะอาดไม่มีกลิ่นมือคน ตักลูกหนูออกมา
4. เอารังและลูกหนูใส่ไว้ในชาม หลังจากนั้นให้ทำความสะอาดกรง
5. ทำความสะอาด ใส่เศษทิชชู่ใหม่เข้าไปเพื่อให้แม่หนูใช้ซ่อมกรง เติมน้ำ เติมอาหารใหม่ให้พร้อม แล้ว วางอาหารโปรด อาหารพิเศษ เช่น แอปเปิล ไว้อีกมุมหนึ่งในกรง ให้ห่างจากตำแหน่งรังเดิมมากๆ
6. เอารังและลูกหนูในชาม ใส่กลับเข้าไปในกรง โดยพยายามวางลงในตำแหน่งเดิม เพื่อให้พ่อแม่หนูไม่ระแวงและกินลูกตัวเอง
7. วางพ่อ และแม่หนูลงไปในกรง โดยพยายามวางพ่อแม่หนูลงตรงอาหารพิเศษที่เตรียมไว้ ซึ่งช่วยถ่วงเวลาพ่อแม่หนูได้ เพื่อให้ลูกหนูขยับตัว คลานไปมา จนอยู่ในสภาพคล้ายๆกับเมื่อก่อนตักพ่อแม่หนูออกไป หลังจากนั้น อย่าไปรบกวนพวกเค้าอีกครับ

Roborovski ( แฮมสเตอร์แคระ )

Roborovski มีลักษณะอย่างไร

ตามธรรมชาติจะอาศัยอยู่ในเขตทะเลทราย ของมองโกเลีย และแมนจูริน รวมทั้งทางตอนเหนือของประเทศจีน

พันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่เล็กที่สุดในบรรดาหนูแฮมสเตอร์แคระทั้งหลาย เมื่อโตเต็มที่จะมรความยาวเฉลี่ยแล้วเพียงแค่ 2 นิ้ว (4-5 เซนติเมตรเท่านั้นเอง) ซึ่งจะต่างจากหนูพันธุ์อื่น เค้าจะไม่มีเส้นแถบสีดำพาดกลางหลัง และขายาวกว่าเล็กน้อย โดยสีตรงช่วงกลางหลัง จะเป็นสีเหมือนทราย และมีราคาแพงที่สุดในบรรดาแฮมสเตอร์ที่ขายกันอยู่ในบ้านเราขณะนี้ ซึ่งนิสัยเจ้า Robo จะปราดเปรียว อยู่ไม่สุขมากกว่าแฮมสเตอร์ทุกๆพันธุ์ จะวิ่งได้เร็ว ซุกซน ทำให้อุ้มหรือจับเล่นยาก แต่เสน่ห์เค้าจะอยู่ที่นี่แหละ เค้าจะขี้เล่น ปีนโน่นปีนนี่ แต่จะขี้ตื่นคนครับ เค้าเป็นหนูที่รักษาความสะอาดเป็นเยี่ยม จะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการแต่งตัว การทำความสะอาด และจะชอบทำความสะอาดตัวด้วยทราย สามารถจะใช้ทรายของชิลชีล่ามาให้เค้าคลุกเล่นได้

เค้าจะผสมพันธุ์ได้ยากกว่า Winter White หรือ Campbell ซึ่งตามธรรมชาติเค้าจะผสมพันธุ์ในเดือน เมษายน ถึง กันยายน แต่สำหรับหนูที่เลี้ยงไว้ อาจจะผสมได้ตลอดทั้งปี ลูกหนูที่เกิดมาจะมีน้ำหนัก ประมาณ 1 กรัม ซึ่งแม่หนูจะตั้งท้อง 23-30 วัน เพียงแค่ 5 วันก็จะเริ่มเห็นขน เพียง 3 สัปดาห์ ขนจะยาวจนเหมือนแม่ และพร้อมที่จะออกเผชิญโลกกว้างโดยไม่ต้องมีแม่อยู่ข้างๆได้แล้ว

บันทึกทันที